เริ่มจาก 5 นาที อย่าให้บล็อกร้าง เพื่องานเสพ

9:49am เอาล่ะครับ จะมีเขียนฟรีไรต์เล่าเรื่องสิ่งที่เสพเมื่อวาน ไม่ว่าจะหนังสือหรือว่า หนัง แม้ว่าจะได้ยินเสียงพนักงานโวยวาย มาจากทางด้านซ้าย ทำเอาใจฉุนมาก แต่ก็ พยายามไม่สนใจครับ

เริ่มจาก หนังสือก่อน เมื่อวาน หยิบไปอ่านในอ่างน้ำ ต้องอ่านทุกวันให้ได้นะ ฟังเหมือนจะกดดันตัวเองนะ แต่ ถ้าไม่อ่าน แล้วจะไปอ่านตอนไหนอ่ะ มีตั้งเป็นร้อยเล่มได้ในห้องอ่ะ ไหนจะต้องต่อสู้กับมดมาแอบทำรังใต้หนังสือเช่นแฮร์รี่พอตเตอร์ ดังนั้น ก็ช่วยเอาความยุติธรรมาคืนมาให้ตัวเองด้วย อ่านเล่มที่ซื้อจากร้านหนังสือมือสองมาครับ ชื่อเรื่องว่า 不思議な木の実 อารมณ์ว่า ผลไม้ประหลาด ประมาณนั้น ผมยังไม่ได้ตั้งใจแปลดีๆน่ะนะ อยากให้เป็นการเขียนก่อน ซื้อจากร้านหนังสือมือสองครับ เป็นเหมือนหนังสือสำหรับเด็กเหรอนะ เห็นว่าได้รางวัลประเภทหนังสือวรรณกรรมเยาวชน ซึ่งเอาจริงผมไม่ชอบเลยนะ ต้องมาโดนครอบด้วยอะไรแบบนี้ สำหรับผม มองเป็นเล่มต่อเล่ม เรื่องต่อเรื่อง เห็นว่า ขนาดกำลังน่าจับ ปกก็มินิมอล เป็นภาพวาดเด็กผู้ชายคนนึง แล้วที่สำคัญมีคำว่า 木 ที่แปลว่าต้นไม้เนี่ยแหล่ะ เลยทึกทักเอาเองว่า คนเขียนเรื่องเกี่ยวกับต้นไม้อย่างเรา ก็ควรจะต้องประดับความรู้จินตนาการอะไรแบบนี้ไว้ เอาล่ะ เป็นการอ่านต่อจากครั้งก่อน ถามว่า จำได้ไหม ไม่ได้หรอก ตัวละครเค้ามีเริ่มมาก็ประมาณสามตัวละ อ่านไปก็พยายาม ปล่อยวางความหงุดหงิด อยากรู้ว่า คนนี้คนไหนนะ แล้วปล่อยตัวเองให้ไหลไปเรื่อยๆก่อน (ทีดูหนัง ยังไปต่อได้จริงป่ะล่ะ เวลาเราจำชื่อใครไม่ได้อ่ะ) อ่านไปแล้วยิ่งอ่าน ยิ่งสงบนะ ยิ่งได้บรรยากาศของเรื่องราวมากขึ้น ส่งให้ตัวเองคิดถึงความสงบ ในสวนญี่ปุ่น คิดไปถึงเรียวคัง ที่เพิ่งไปเที่ยวกับแม่เป็นต้น ทำให้เริ่มฟิน เริ่มรู้สึกถึงมนต์สเน่ห์ของหนังสืออีกครั้ง ว่าเค้าชอบเรา เคลื่อนย้ายออกจากชีวิตตรงหน้ายังไง แล้วก็ ในฐานะนักสร้างสรรค์ ก็ทำให้เราได้นึกถึง ความรู้สึก ที่เราเองก็อยากสร้างออกมาได้บ้างเช่นกัน อ่านจนจบเล่มแรก มีอยู่ช่วงนึงก็อยากจะโยนที่อ่านให้พี่ยอดช่วยแปล เพราะใจ perfectionist ที่ต้องการเข้าใจทุกคำกลับมาอีกแล้ว การที่ประโยคลงว่า じゃない มันแปลว่าอะไร คือคำถาม หรือว่า เป็นประโยคบอกเล่ากันแน่ มันเป็นรายละเอียด nuance เล็กๆน้อยๆในภาษาอ่ะครับ ที่ถ้าเข้าใจ ก็น่าจะทำให้อ่านได้ลื่นขึ้น เก๊ทอารมณ์ตัวละครมากขึ้นว่า เค้ากำลัง พูดทื่อๆ หรือพูดด้วยอารมณ์ประชด หรือว่าพูดแบบไม่มั่น จบท้ายประโยคเหมือนถามอีกฝ่ายไปด้วย เนี่ย มันสำคัญนะ สุดท้าย แม้จะบอกว่า เป็นงานเขียน แต่เวลาอ่านนิยาย ที่มีบทสนทนา มันก็เหมือนกันพูด คุยกับคนตรงหน้านั่นแหล่ะ เพราะเราก็ต้อง read the air หรือจับน้ำเสียงอยู่ดี ว่าเค้าหมายถึงอะไร นี่เลยทำให้ โน้ตไว้กับตัวเองเช้านี้แล้วครับ ว่านอกจากการอยากแปล หนังสือที่เล่าเรื่องราว ตูเว ยานซอน ศิลปิน ผู้สรรค์สร้าง มูมิน ตัวการ์ตูนดังระดับโลก ที่ผมเพิ่งถอยมาจากออนไลน์ และหวังว่าจะได้แปลอ่านเอง (ไม่ก็ส่งสนพ. ที่ใดที่สนใจ เผื่อได้ร่วมงานกัน) นอกจากเล่มนี้ ที่ภาษายากตั้งแต่หน้าแรกแล้ว ผมก็คิดว่า หนังสือความยากประมาณเล่มนี้ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ที่จะได้ทำความเข้าใจบทสนทนาให้ขาดมากขึ้น ไว้มีเวลาค่อยให้พี่ยอดช่วยอีกทีครับ จบตอนแรก ด้วยภาดประกอบ (ไหนบอกไม่ชอบคำนี้ไง) ที่มีสีด้วย เป็นแผนภาพ บ้านของตัวละคร ชอบมากๆเลยล่ะ คล้ายๆเปิดอ่านพวกหนังสือ art of ของผู้กำกับภาพยนตร์อนิเมชั่น อะไรอย่างนั้น เรื่องนี้ก็น่าสนใจจะเล่านะ แต่ก่อนผมก็ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย คิดว่ามันจุกจิก มีแต่รายละเอียดอะไรที่เกินจำเป็น แต่ จริงๆแล้วไม่หรอก รายละเอียด เมื่อถูกเสพเมื่อใจไม่พร้อม มันก็จะพาลทำให้เราโมโห แต่ถ้าใจเรานิ่ง สงบ ผมว่ารายละเอียดเหล่านี้แหล่ะ ที่ทำให้โลกจินตนาการ ถูกแต่งแต้มให้สมจริง ดังนั้น อันนี้ก็เป็นแรงบันดาลใจอีกอย่างที่จะต้องเอาไปสานต่อกับงานไม้หัวครับ ออ หรือว่าจะเอามาเขียน แผนที่คอนโดต้นไม้ใหญ่ยักษ์ (ฉบับที่ละเอียดขึ้นกว่าในหน้าเปิดแนะนำชายใหญ่ ในไม้หัวคันจิคอมิคส์นะ) เอาแปะไว้บนเว็บก็ได้นะครับ ใช่ๆ เพราะล่าสุดบอกตัวเองเหมือนกันว่า จะใช้เว็บเนี่ยแหล่ะ เป็นเหมือน หน้าต่างแรกให้ผู้คนได้รู้จักกับโลกไม้หัว ตัวละครหลักไม้หัว แล้วก็งานของผม เพราะผมคิดว่ามันเหมาะกับยุคนี้ ที่เรื่องราวมีให้เสพง่ายขึ้น เปิดกว้างขึ้น จนผมไม่ได้อยากจะให้ผู้คนต้องรอไปซื้อหนังสือ หรือว่า ไปอ่านจากที่ reading platform ที่ไหนให้ต้องกระจัดกระจาย คิดว่า ข้อมูลเบื้องต้น อย่าง แนะนำโลก ตัวละคร เรื่อง ผมว่า เอาไว้บนเว็บนี่แหล่ะ

โอเค ไปเรื่อย ยาวเลยทีนี้ ยังไม่ได้เล่าเรื่อง หนังอีกเรื่อง ที่ Leonardo Dicaprio แสดงที่ดูตอนก่อนนอนเลย เอาเลยละกัน แค่สามนาทีนะ อ่ะ ก็ เรื่องอะไรนะ This Boy’s Life

(ระวังสปอยนะครับ)

คือมีคำไม่ดีในสมัยนี้โผล่มาในหัวบ่อยมาก การทำรุนแรงกับเด็ก toxic masculinity หรือว่า อะไรนะ Homo การกลัวเพศที่ไม่ใช่ชาย หญิงน่ะครับ คือ ก็ เอางี้ตอนแรกที่ดูเพราะอะไรก่อน เพราะ เริ่มจากพี่ตั๊ก ศิริพร 55 ไม่ได้เกี่ยวว่าแกพูดเรื่องหนังนี้นะ แต่ว่าผมไปฟังสัมภาษณ์ แล้วได้ฟังเพลง ธุรกิจรัก ของพี่เค้าพอดี ทำให้ไปเปิดแอพสมูพร้องเกะ เอ่อ เกี่ยวไรเนี่ยผม ก็เกี่ยวสิครับ มันทำให้ตัวเองกลับมาเปิดกับ สื่อใหม่ๆอีกครั้ง นี่ๆเอง ที่ทำให้ตัวเองเปิดใจ หยิบ Disney Plus มากดดูเรื่องใหม่ๆ ทำให้พร้อม เปิดใจ ดูหนัง อีกครั้ง อ้าว คุณ มันสำคัญจริงๆนะ ก่อนที่เราจะดูได้ เราต้อง เปิดใจก่อน ใช่จริงๆ ซึ่ง หนังก็เริ่มเรื่องแบบมีภูเขาสูงๆ เหมือนแถวแถบตะวันตกของอเมริกาหรือเปล่านะ แล้วคือเลือกเรื่องนี้เพราะว่าเหมือนเป็นหนังเก่านี่แหล่ะ ผมชอบ อะไรที่ไม่ต้องเป็นกระแสมาก เพราะมันได้รู้สึกว่า เราเสพงานที่เป็น ‘ส่วนตัว’ ดีไม่เจือปนความคิดเห็นจากกระแสสังคม ทำให้ได้ยินเสียงตัวเอง ได้ขัด taste ของตัวเองให้ชัดขึ้นไปด้วย ผมชอบนะ นักแสดงเล่นเก่ง สมนักอเมริกันเหมือนเคย ไม่รู้สึกว่าดูนักแสดง แต่ดูชีวิตของตัวละครอยู่ ดูแล้วไม่ชอย Rober De Niro เลย รำคาญมากเอาจริง เพราะว่า เบ่งก้ามเป็นหัวหน้าครอบครัวอยู่นั่น แต่ก็เข้าใจนะ ว่าเค้าคงพยายามจะควบคุมให้บ้านเป็นไปตามใจประมาณนั้น มันก็คงเป็นคำถามว่า เสาหลักของครอบครัว มันจำเป็นไหม แล้ว หน้าที่ บทบาท มันควรจะมีได้ขนาดไหนกันเชียวเป็นต้น ช่วงหลังเริ่มง่วง แต่ก็ทนดูจนจบ ฉากที่แม่กับลูกจะจากกันก็น้ำตาเล็ดเช่นเคย แน่นอน อะไรที่โดนใจกับชีวิตตัวเองก็จะทำให้เราอินเป็นพิเศษ เหมือนตอนที่ผมร้องไห้ขี้มูกโป่ง ตอนที่ต้องบ๊ายบายแม่ผมตอนไปเรียนที่ลอนดอนเก้าเดือน อันนี้ก็น่าสนใจ ว่า เราจะดูหนังที่เราไม่ได้มีประสบการณ์ร่วมได้ไหมนะ เป็นต้น ดูแล้วก็อึ้งว่า หนังเค้าดิบมาก มีฉากรุนแรงที่คนเป็นพ่อ (พ่อเลี้ยงสินะ) กับลูก ลงไม้ลงมือกันด้วย เอาว่าก็ดูจนจบ แล้วก็ทำให้ถอนหายใจได้ อันนี้ก็เหมือนเป็นมนต์ของเรื่องเล่าเหมือนกัน ว่า เวลาเราเลือกเสพแล้วก็คงไม่ต่างจากขึ้นเครื่องเล่น ที่ต้องเล่นไปจนจบ แล้วอารมณ์จะไม่ค้าง แต่จะทำให้เราถอนใจแล้วก็พูดได้ว่า เห้ออ จบละ คือบางที ดีไม่ดี มันเรื่องนึง แต่จบไม่จบ มันก็เป็นความฟินในตัวมันเองอ่ะ เก๊ทป่ะ ดังนั้น ไปต่อครับ เขียนไม้หัวให้จบ ไปตามล็อก save the cat writing formula, 15 beats เนี่ยแหล่ะ โอเคไปก่อน สรุปได้ฟังเรื่องหนัง หรือฟังผมพล่ามเรื่องตัวเองเยอะกว่ากัน 55 บ๊ายบาย

10:11am

Next
Next

จัดห้อง พวงกุญแจเจนสอง และสวนไม้หัว