ไปออกงานแฟร์แล้วได้อะไร?
เขียนสิบนาทีพอแล้วก็วาดง่ายๆ เน้นเรื่องภาษา การเล่าเรื่องด้วยการ์ตูนช่อง แล้วก็ การเจอผู้คน เนี่ยแหล่ะ
เอาล่ะๆ ตอนนี้ 5:43pm ผมต้องตื่นจากความเหนื่อยล้าจำเป็นได้แล้ว เพื่อที่จะ รีสตาร์ทตัวเอง กลับมาสู่วงจรสร้างสรรค์ เสพ สะสาง อีกรอบ ในความเป็นนักเขียน ศิลปิน อิสระของตนเองนี้ครับ ถึงแม้ใจจะหาเรื่องอยากจะกินกาแฟอีกก็ตามแต่ไม่ได้แล้ว จริงๆกะจะเขียนบล็อกตรงนี้ให้จบตั้งแต่เช้า แต่ด้วยเรื่องทริปเที่ยวกับเพื่อนเดือนหน้าบ้างล่ะ หรือว่า เรื่องอะไรล่ะ จำไม่ได้ละเช้านี้ เกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ว่า มันล้าตั้งแต่การไปออกบูธมาเมื่อวานเนี่ยแหล่ะครับ ยังไงก็อยากมาเขียนบันทึกไว้ แชร์ออกไปให้ทุกคนได้อ่านด้วย ไม่ได้เก็บไว้ในเจอนัลของตัวเอง (ทำไมกันนะ เรื่องนี้อยากจะเขียนในบล็อก อาจจะเพราะว่า รู้สึกว่าอาจจะเป็นประโยชน์ หรือเพราะมันมาจากการเชื่อมต่อกับผู้คนล่ะมั้งครับ)
เอาล่ะ มาเขียน เป็นลิสต์ดีกว่าครับ ง่ายดี ตอนแรกจะดัดจริตต้องเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่นอะไรอีก โอย ไม่ไหว ทำไม มันชอบที่จะคิดการใหญ่แบบนี้ทุกที ขอแค่สิบนาที เขียนเป็นลิสต์ว่า ได้อะไรบ้าง จากการไปออกแฟร์ครั้งนี้ ไม่งั้น เอาใหม่ ขอเป็นสิบคำถามอยากพี่ยอด แชทจีพีทีของผมดีกว่า เริ่มนะ 5:48pm now!
โอเค เอาล่ะ เริ่มแล้วนะ ตะกี้ เผลอทำโน่นนี่อีกละ นี่ครับชุดคำถาม จากพี่ยอด
🌿 10 คำถามสัมภาษณ์: “หลังม่าน BKK Comics Art Festival”
ตอนก่อนเริ่มงาน บรรยากาศในใจเป็นยังไงบ้าง?
(ตื่นเต้นไหม เหนื่อยไหม หรือมีอะไรที่คิดว่าจะไม่รอดแน่แต่สุดท้ายก็รอด?)
ตอบ: ตื่นเต้นไหมเหรอ ไม่นะ แอบรู้สึกเคืองนิดๆด้วยซ้ำว่าแบบ เราจะควรไปออกแฟร์อยู่ไหมนะ ก็เหนื่อยแหล่ะ แต่ก็ เอาน่ะ ปีนี้ ไม่ได้ออกเลยสักงานนะ ตั้งแต่ปี 2024 (ที่กะจะทำบันทึกก็ไม่ได้ทำเลยเป็นเหตุให้วันนี้ต้องเข็นตัวเองให้เขียนออกมาให้ได้เนี่ยแหล่ะ) ปีที่แล้วคือ ไปเกือบจะทุกเดือน อันนั้นก็บ้าบิ่นมาก อาศัยว่าเรามีทุนวะ แล้วก็อยากจะขอลอง ก็ขอลองให้เต็มที่ สุดท้าย burnout หนักหน่วงนานเลยจ้า แต่ ก็ขอบคุณที่ตัวเองได้ออก (วุ้ย พูดจาสวยๆหล่อๆ) คืออย่างงานนี้ ตอนแรกก็กะจะมาขายซีนเป็นหลักเลยแหล่ะ อันนี้คือรู้ก่อนแล้วว่า ทิศทางของเราไปข้างหน้า เราจะโฟกัสที่งานหนังสือ อยากเป็นนักเขียนมากกว่านักวาด (มากกว่าอนิเมเตอร์ด้วย อย่าร้องไห้นะอนิเมชั่น เพราะเธอทำให้ฉันร้องไห้มาก่อนแล้ว) สรตะเรื่องนี้มาหลายครั้งไม้ถ้วน ว่าเราอยู่ตรงไหนของความเป็นนักสร้างสรรค์กันแน่ (ไม่เอาคำว่าศิลปินได้ป่ะ ดูอีโก้เยอะ ดูหนักอ่ะ ไม่ชอบ) ก็เลยตั้งใจจะออกหนังสือ (หรือซีน ตกลงสักอันได้ป่ะ อยากเรียกหนังสือเพราะเป็นเป้าสุดท้ายที่ไป อยากเรียนซีนเพราะทำให้ตัวเองได้ขยับทีละก้าว เอาไง?) ก็เลยเกือบจะไม่ได้เอางานเก่ามาโชว์บนผนังด้วยซ้ำ แต่เพราะว่าคุยกับผู้จัดงานแล้วก็แบบ ใจอ่อนว่า เออ เค้าก็อุส่าห์จำเราได้ว่าเราทำงานแนวๆนี้ ก็เลยแบบ วันที่ไม่ได้เหนื่อยมาก ก็เลยรีบบอกเค้าว่า ได้ครับ ผมขอเอารูปไปขึ้นแสดงบนผนังด้วย ไปๆมาๆ ก็เลยถือว่าได้มาออกงานแบบสมน้ำสมเนื้อ คือได้ลองเต็มที่เลย ซึ่งก็คือแฮปปี้มากนะ พอจบงานอ่ะ
สิ่งแรกที่ทองสังเกตเห็นในวันเปิดงานคืออะไร?
(อาจจะเป็นกลิ่น เสียง สีหน้าเพื่อนบูธข้างๆ หรือพลังคนดูที่แวะมา)
ตอบ: สิ่งแรกเหรอ ก็คงเป็นความรู้สึกที่กึ่งจริงกึ่งฝัน ว่าเออ จริงๆ เราก็แบบ โชคดี หรือว่า เราก็แอบเจ๋งเหมือนกันนะ (ฮ่าๆ เอาจริงๆ ก็คิดงี้จริงๆอ่ะ ทุกคนก็ต้องมีความภูมิใจในตัวเองบ้างดิใช่ป่ะครับ) ว่าแบบ เออ จากที่ตอนเด็กๆเราไปเมืองนอก ก็ไปแวะตาม art gallery อะไรแบบนี้ นี่เราได้มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงานที่จัดที่หอศิลป์เลยนะโหวย อีกทั้ง เราก็แบบ ไม่ได้มาสายตรงเนอะ จบก็วิศวะคอมมาก่อนเงี้ย แต่ก็ใช่แหล่ะ ก็ถือว่ามีเครดิตเพิ่มขึ้นแล้วกับ grad dip จาก Royal College of Art แต่ก็ยังมีความเปรียบเทียบตัวเองกับคนที่เค้าเรียนศิลปะมาตั้งแต่ป.ตรี อะไรแบบนั้น เห้อ น่าหัวเราะ เป็นตัวผมตั้งแต่สิบยี่สิบปีก่อนโน่นแหล่ะ ที่ยังคงส่งเสียงตะโกนดูหมิ่น ทำให้ตัวเองสงสัยอยู่ทั้งๆที่ เด็กชายทองคนนั้น ได้เป็นอดีตไปแล้ว!!! เอาว่า รู้สึกภูมิใจแหล่ะ แล้วก็ สบายใจ ว่าได้มานั่งอยู่กับงานตัวเอง พักจากหน้าที่ลูกซักแป๊บ มาอยู่กับงานเราจริงๆเต็มๆบ้าง พร้อมกับหนังสือที่คัดเลือกมาอย่างดีสองเล่มเท่านั้นคือชีวประวัติของ ตูเวยานซอน แล้วก็ หนังสือเล่มเล็กๆภาษาญี่ปุ่น ที่ชื่อประมาณว่า หนังสือ แค่ดูหรือสัมผัสก็พอ ก็ไม่ว่ากัน อะไรประมาณนั้นครับ
มีโมเมนต์ไหนที่รู้สึกว่า “อ๋อ นี่แหละคือเหตุผลที่เรายังอยากทำสิ่งนี้อยู่”?
ตอบ: กรี๊ด! พี่ยอด ถามดีไปป่ะ! ก็ตอนที่มีลูกค้า (ไม่เอาคำนี้อ่ะ คอมเมอเชียลมาก) ตอนที่มี นักอ่าน ของเรา เดินมาจับหนังสือ ไม่ว่าจะเล่มไม้หัวคันจิคอมิคส์ หรือว่า ไม้หัวคอมิคส์เจอนัล เนี่ยแหล่ะ มันแบบ โอ๊ย แล้วก็ตอนที่เค้าจะซื้อ แล้วก็จะกดสแกนจ่ายตังค์เนี่ยแหล่ะ คือ โคตรๆๆๆลุ้น มีความสุขแล้วก็ภูมิใจมากๆ ดีใจ ที่ความคิด จินตนาการของเรา วันนี้ได้โบยบินไปหาเพื่อนมนุษย์คนอื่นแล้ว เหมือนแบบ เนี่ยแหล่ะ การที่เราได้ตอบแทนโอกาส ความรู้ ความสามารถที่เรามีเพื่อส่งต่อไปให้คนอื่น ในรูปแบบที่เรารัก แล้วก็ มีความสุข มันดีมากๆ เป็น 生き甲斐の瞬間 เลยล่ะ (อิคิไก โนะ ชุนคัง ก็คือ ช่วงเวลาของ อิคิไก ก็ไอ้การมาบรรจบของ สิ่งที่เรารัก สิ่งที่เราทำได้ดี แล้วก็สิ่งที่โลกต้องการ) เอ่อ หมดสิบนาทีแล้ว ต่อเวลาค่าาาา (จับเวลาต่อ)
มีเหตุการณ์เล็กๆ ที่ทำให้รู้สึกซึ้งใจหรือขำจนจำไม่ลืมไหม?
(ลูกค้าที่พูดบางอย่าง เพื่อนศิลปินที่ช่วย หรือความฮาเบื้องหลังบูธ)
ตอบ: มีสิ ต้องมีแน่ๆๆๆอ่ะ แต่ขอคิดก่อนนะ เรื่องฮาๆเหรอ ยังนึกไม่ออก เรื่องซึ้งก็คงเป็นตอนที่ เพื่อนศิลปิน มาขอลายเซ็น เราก็แบบ เอ๋ งงเลย เค้าน่าจะเป็นการผูกสัมพันธ์กันแบบหนึ่งแหล่ะ เราเองที่อยู่กับตัวเอง เพื่อนก็น้อยมานาน (แต่มีไม้หัวนะ!) เลยทำตัวไม่ถูก แล้วก็ๆๆ ต้องที่ไม้หัวคอมิคส์เจอนัลขายได้ กับ นักอ่านที่เราไม่ได้รู้จัก ไม่ได้เป็นเพื่อนที่ออกบูธ ไม่ได้เป็นเพื่อนเราเองที่แวะมาเยี่ยม มันขอบคุณมากๆ ที่เค้าเปิดใจ ในการอยากจะรู้เรื่องสิ่งที่เราอยากจะแชร์ออกไป โดยเฉพาะคุณคิดดูนะ ในทุกวันนี้ที่แบบ โลกเรา ล้นหลามไปด้วย สิ่งล่อใจนานาประเภทอ่ะ วิดิโอ โซเชียลมีเดีย เพลง เน็ตฟลิกส์ โอยมากมายเหลือเกิน แต่เค้ากลับ ยินดีจ่ายตังค์ซื้อสิ่งพิมพ์ของมนุษย์แว่นคนหนึ่ง (ผมเอง) ก็แบบ ซึ้ง มากๆครับ ขอบคุณมากเลย แล้วก็ มีตอนที่เราได้เจอเพื่อนญี่ปุ่นด้วย ดีใจมากที่เค้าถามหา 連絡先 ก็คือ ติดต่อกันต่อได้ยังไง อะไรแบบนี้ แบบ แง ผมก็อยากจะมีเพื่อนญี่ปุ่นได้คุยญี่ปุ่นด้วย ก็ดีใจ แถวเค้าและแฟนด้วยๆนะ ยังใจดีเอาขนมมาให้อีก อันนี้ก็ซึ้งใจสิครับ ออแล้วก็ ซึ้งใจอีกคือ ลูกของพี่นักเขียนท่านหนึ่งก็มาอุดหนุนหนังสือไม้หัวคันจิคอมิคส์ผมอีก เปิดบิลให้เลยด้วยซ้ำมั้งนะ แบบ ขอบคุณมากครับน้องๆๆ แล้วก็ๆ มีนักวาดการ์ตูนญี่ปุ่นมาทักว่าพวงกุญแจชายเล้กผมคาวาอี้ แล้วก็บอกว่า I like your ORIGINALITY! เขินอ่ะ ผมรีบอวดพี่ยอดยกใหญ่ ถามทันทีว่า พี่ยอดๆๆๆ ออริจินัลลิตี้ นี่ผมจะเอาไปต่อยอดยังไงต่อดีอ่ะ งิ แล้วก็ๆๆๆ มี comic artist จากสิงคโปร์อีกคนด้วย ก็มาใช้เวลาคุยกับเรา แบบช้าๆ ในเชิงลึกถึงการสร้างงานของเรา อะไรแบบนี้ เป็น quality conversation มากๆ บางโมเมนต์ผมเองก็ยอมรับว่า ก็มีขุ่นเคืองหรือตัดพ้อกับตัวเองแหล่ะว่าทำไมไม่มีใครมาจับหนังสือเท่าไหร่เลย สงสัยเรามาผิดงานอีกไหมเนี่ย แต่จริงๆแล้วไม่นะ มีอยู่ครับ เพียงแต่ก็ต้องยอมรับว่าก็ต้องใช้เวลาหน่อยแหล่ะ ออๆๆ เหมือนจะมีอะไรฮาๆด้วยมั้งจากหนังสือที่ซื้อมาได้จากสนพ.เล็กๆของอินเดีย อันนี้เป็ฯอะไรที่แบบ ไม่ได้ซึ้งแต่ประทับใจมากกว่า กับการได้มาร่วมงานกับ สนพ.เพื่อนร่วมโลกจากหลายๆที่เหมือนปีที่แล้วจากเวียดนาม มันฟินอ่ะ ได้เปิดโลก ผมชอบความรู้สึกนี้มากๆเลยอ่ะ เป็นโอกาสที่ไม่ได้มีมาบ่อยๆเลยนะ แต่จะให้เจ๋งกว่านี้ ก็ต้องจัดห้อง เพื่อ ให้เกิดสมาธิ เพื่อ ให้ได้มีเวลาหยิบงาน ที่เราสนใจเหล่านี้มา ‘อ่าน’ จริงๆนั่นแหล่ะครับ ออใช่อีกเรื่องเลย คือเพื่อนสาวผมเอง โผล่มาวันแรก ดันไปทะเลาะโกรธเค้าไว้ นางโผล่มาพร้อมจดหมายเขียนมือเพื่อขอโทษเลยจ้าาา โอวมายกอด ซีนเหมือนในหนังเลย ตัวเองก็รู้สึกหมั่นไส้กับความเยอะของตัวเองนะ แต่ความรู้สึกมันก็แบบนี้แหล่ะครับ ใช้สมองเหตุผลเอามาอธิบายมันไม่ได้หรอก ก็เป็นความผูกพันของเพื่อนนั่นแหล่ะ เกิดความเข้าใจผิดกัน แล้วก็เคลียร์กัน แต่ก็ซึ้งที่เพื่อนโผล่มาที่งาน (ตอนนั้นแวะไปกินข้าวมั้ง ฮ่าๆ ขอโทษครับ) (หมดเวลาอีกแล้ว ไหวไหมทอง ไปต่ออีกสิบนาทีพอนะ ครึ่งชั่วโมงพอแล้ว)
ของในบูธชิ้นไหนที่ทองรู้สึกผูกพันหรือภูมิใจที่สุดในรอบนี้? ทำไม?
ตอบ: แน่นอน หนังสือเล่มล่าสุดครับ เพราะอะไร งานนี้เป็นงาน คอมิคส์ ชื่อก็บอก แต่ผมดันเอาสิ่งที่ไม่ได้คอมิคส์ร้อยเปอร์เซนต์แต่เป็น บันทึกการทำคอมิคส์ มาขาย มันเลยมีความ niche ใน niche แต่สุดท้ายก็ขายออกไปหนึ่งเล่มวันที่สอง ดีใจมากๆ
อะไรคือสิ่งที่ได้เรียนรู้มากที่สุดจากการออกบูธครั้งนี้ — ทั้งในแง่ศิลปะและในแง่ธุรกิจ?
ตอบ: (หวาย มาถึงตรงนี้ นึกถึงสมัยยุค 90 ที่เค้ามีชุดคำถามส่งเมลให้ตอบแล้วส่งต่อเพื่อนอ่ะ ฮ่าๆๆ หยือออ ผมจะแบบขนลุกทุกทีเวลาคนส่งมา แต่ก็อยากเล่น แต่พอจะเริ่มตอบก็แบบ เอ่อ เหนื่อยอ่ะ ยาวไปไม่อยากเขียน โอเค ต่อ) ในแง่ศิลปะก็คงเป็น สไตล์ของงานยังไงก็ยังมีความหลากหลาย แตกต่างกันไปตามแต่ละคนจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นลายเส้น หรือว่าเนื้อหาที่เล่า แล้วทุกงานก็มีลูกค้า หรือนักอ่านของเค้ากันเองทั้งนั้น อยู่ที่ว่าเราจะเห็นความงาม ความสนุก ความน่าสนใจในงานนั้นๆหรือเปล่า อืม น่าจะเรื่องนี้ แล้วก็มีความรู้สึกว่า มีผู้คนให้ความสนใจกับลายเส้น การวาดของผมอยู่ แต่ว่า ผมว่าตัวเองอาจจะยังพรีเซนต์เรื่องราวไม่ชัดเท่าไหร่ เลยเป็นสาเหตุว่าจะต้องรวมคอมิคหลายๆที่เป็นคัมภีร์เป็น archive zine เล่มเดียวหนาๆให้จงได้ เพื่อสรุปเรื่องราวเล็กน้อยที่ผ่านมาให้แล้วใจ แล้วไปต่อกับการสร้างเรื่องราวหลักกับนิยาย 7 เล่ม แล้วก็คอมิคซีรีส์ 6 ซีรีส์ที่เป็นเรื่อง side story ประมาณนั้น แล้วก็ ผมยังต้องไปต่อกับการแปลงาน หรือการใช้ภาษาอังกฤษ ไม่งั้น ก็จะอดที่จะได้ต่อยอดงานเราไปสู่เวทีโลกจริงๆ อืมๆๆ ในแง่ธุรกิจเหรอ อันนี้ตกตะกอนจากการที่คุยกับแฟนอีกทีครับ ก็คือ ต้องมีการจดยอด แล้วก็ เรียนรู้จากยอดขาย มากกว่านี้ ที่ผ่านมายังไม่ได้จริงจังตรงนี้เท่าไหร่ แต่ก็อย่างว่านะ คิดว่าตัวเองลองทำของขายหลายๆอย่าง สิ่งที่สำคัญกว่าหาตังค์คือการได้เข้าใจตัวเองมากกว่า ดังนั้น ก็เนี่แหล่ะ ย้ำเรื่องเดิม ต้องเปิดงานตัวเองสู่เวทีโลกมากขึ้น การใช้ภาษาอังกฤษในงาน การลง webtoon การลองสมัครประกวด หรือว่าส่งงานไปแฟร์ต่างประเทศเป็นต้น
มีอะไรที่ “ไม่ชอบเลย” หรืออยากเปลี่ยนในครั้งหน้าไหม?
(อาจจะเป็นการจัดโต๊ะ เสียงดังเกินไป การเตรียมตัว หรือระบบขาย)
ตอบ: เอ กลับกลายเป็นต้องบอกก่อนว่า ชอบที่ๆตัวเองอยู่มาก ติดเสาที่หนึ่งด้าน แล้วก็ ด้านหลังเป็นกระจกมีแสงธรรมชาติ ไม่ชอบอะไรอ่ะ ไม่ชอบที่ว่าไม่ได้มีหนังสือมาขายมากกว่านี้ล่ะมั้งนะ เสียดายโอกาสเหมือนกัน
มีใครที่ทองเจอในงานแล้วรู้สึกว่า “ดีใจที่ได้เจอ” หรือ “เป็นแรงบันดาลใจใหม่”?
ตอบ: น้องผู้หญิงคนนึงมั้งครับ ที่เป็นศิลปินมาออกงานด้วย น้องเค้าดูมีฝันมีไฟมากๆ ว่าจะต้องเป็นศิลปินที่โด่งดังให้ได้ แล้วก็น่ารักด้วย เอาขนมมาแจกเราก่อนกลับอีก พร้อมคำขอบคุณที่เหนื่อยเรียบร้อย
ถ้าให้เปรียบงานนี้เป็น “ฤดูกาล” หรือ “รสชาติ” ทองจะเปรียบว่าเป็นอะไร?
(คำถามนี้ไว้ให้เล่นสนุกได้เลย เหมาะกับสไตล์บล็อกของทองมาก!)
ตอบ: ฤดูใบไม้ร่วงเนี่ยแหล่ะ (เหมือนที่ผมกำลังจะไปเที่ยวเกียวโตเดือนหน้า จะมีไม้หัวไปด้วยไหมนะ!) เพราะว่า เป็นจุดที่งานผมกำลังจะเปลี่ยนผ่านจริงๆ คงเป็นช่วงของการร่ำลาสินค้าที่ไม่ใช่ เช่นสติกเกอร์เป็นต้น เป็นการล้างสต็อกออก เพื่อเปิดทางให้กับสิ่งที่จะโฟกัสต่อไปก็คือหนังสือ (แต่ก็ยังมีสินค้าหลุดมาอยู่นะ ตัวหลักๆเช่น พวงกุญแจชายเล็กหรือว่า ชายเล็กอาร์ตทอยเป็นต้น) โดย ใบไม้ที่เหมือนร่วงหล่น ของงานที่ผ่านมาของผม ก็จะต้องถูกเก็บกวาดรวบรวมไว้ใน maihua archive zine ต่อไปด้วย ในช่วงฤดูหนาวที่จะมาถึง ก่อนที่จะได้ผลิบานเป็นหนังสือให้ผู้คนได้เข้าใจ เนื้อแท้ งานไม้หัวจริงๆอีกครั้ง
หลังงานผ่านไป ความรู้สึกตอนนี้คืออะไร และอยากฝากอะไรถึงตัวเองในงานครั้งหน้า?
ตอบ: ความรู้สึกตอนนี้เหรอ อยากทำไม้หัวอาไคฟ์ซีนจะแย่อยู่แล้ว! แต่เรื่องอื่นก็ยังคงรุงรังล้อมตัวซ้ายขวาไปหมด! ฝากอะไรถึงตัวเองในงานครั้งหน้า? หวังว่าจะได้มีหนังสือที่ผ่านจบเยอะมากชึ้นนะ เหมือนเล่มพี้ชยักษ์ที่ผมอ่านจบ จนเขียนเป็นความประทับใจอยู่ในบันทึกไม้หัวคอมิคส์เจอนัล นั่นแหล่ะ เพื่อที่จะได้มีอะไรไปเล่าต่อกับไม้หัว แล้วก็เพื่อนๆนักอ่านนักเขียน กันต่อไป แล้วก็ don’t forget, ENGLISH IN YOUR WORKS!!! そして、作品の種、日本語!
จบละจ้า หมดพลังพอดี ขอให้คืนนี้เป็นคืนที่ดี ต้นไม้คู่ใจไม่คายคาร์บอนไดออกไซด์รดหน้าคุณนะ!!! 6:42pm